วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การล้างรถยนต์

การล้างรถยนต์
การล้างรถยนต์ รถใครใครก็รัก และก็ย่อมอยากให้รถของเรามีสีที่สวยและสะอาดเป็นเงาตลอดเวลา แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราต้องเอารถออกมาใช้งานก็อาจเจอกับฝุ่นละอองและบางทีอาจจะโดนสเก็ตก้อนหินที่กระเด็นมาโดนเวลาขับรถหรือบางครั้งก็ขับไปลงน้ำโคลนที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเรามาดูวิธีการล้างรถที่ถูกวิธีกันนะครับและการที่รถสกปรกหรือมีผลต่อสีรถอันแสนสวยของคุณเกิดขึ้นได้จากต้นเหตุหลายประการ ดังนั้น ควรจะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันไว้ก่อนจะเป็นการดี ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อสีและตัวถัง
การทำความสะอาดตัวรถ
ตัวถังรถยนต์จะได้รับการเคลือบสีไว้เป็นอย่างดี ถ้าการทำความสะอาดนั้นทำผิดวิธีจะทำให้สีที่เคลือบไว้เสียหาย เช่น เกิดการด่าง การลอกร้าวของสี ดังนั้นเราต้องทำความสะอาดให้ถูกวิธีคือฝุ่น หรือโคลนติดที่ตัวถังรถ สิ่งเหล่านี้จะดูดความชื้นได้ง่าย จะทำให้ผิวของสีเสื่อม ขาดความเป็นเงามัน สีจะซีดจางเกิดความแตกร้าวได้ง่าย ถ้ามีฝุ่นจับที่ไม่สกปรกเกินไปก็ใช้ไม้ขนไก่ปัดทุกวันก็พอเมื่อไม้ ขนไก่ไม่สามารถทำความสะอาดที่ตัวถังรถได้เพียงพอให้ใช้ผ้าอ่อน ๆ ชุบน้ำเช็ดอย่างระมัดระวัง เพราะฝุ่นนั้นจะมีละอองหินหรือสิ่งที่แข็งติดอยู่ ถ้าเช็ดแรง ๆ สีที่เคลือบไว้จะเป็นรอยขีดข่วนควรทำความสะอาดที่ปัดน้ำฝนด้วยถ้ามีโคลนจับเพราะจะทำให้กระจกเป็นรอยได้
วีธีการล้างรถยนต์
 1.เริ่มจากฉีดน้ำให้แรงที่สุด เพื่อให้คราบฝุ่น ขี้ดิน และสิ่งสกปรกต่างๆ หลุดออกจากตัวรถให้มากที่สุด
 2.โดยปกติแล้ว การล้างรถด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียวก็สะอาดเพียงพอแล้ว แต่อาจต้องใช้แรงในการขัดถูมากหน่อย ถ้าอยากให้ล้างง่ายขึ้น สะอาดใสปิ๊ง ก็ให้ใช้แชมพูล้างรถร่วมด้วย
 3.รถก็เหมือนบ้าน เวลาทำความสะอาดต้องเริ่มจากด้านบนก่อน แล้วค่อยๆ ล้างจากส่วนบนลงล่าง
4.แนะนำให้ใช้ผ้านุ่มๆ เช่น ผ้าสำลีในการล้างรถ ไม่ควรใช้ฟองน้ำล้างรถ เพราะเม็ดทรายหรือฝุ่น จะติดอยู่ในรูพรุนของฟองน้ำ เมื่อถูไปกับผิวสีรถ จะทำให้เกิดรอยขีดข่วน และถ้าทำได้ควรจะนำผ้าไปแช่น้ำไว้ก่อน ยิ่งถ้าใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยจะดีมาก และในขณะที่ล้างรถก็ต้องหมั่นซักและขยี้ผ้าบ่อยๆ ด้วย
5.โดยทั่วไปส่วนบนของรถจะมีฝุ่นน้อย ในขณะที่ด้านล่างจะสกปรกและมีฝุ่นมาก จึงแนะนำให้แยกใช้ผ้า 3 ผืน ผืนแรกใช้สำหรับล้างส่วนบน หลังคา ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงหลัง และกระจกรถ ผืนที่สองใช้ล้างด้านล่างของตัวรถ ตั้งแต่ขอบกระจก ด้านล่างลงมา ผืนสุดท้ายใช้สำหรับทำความสะอาดล้อ และส่วนอื่นที่สกปรกมาก ถ้ามีผ้าผืนเดียว ก็แนะนำให้ซักผ้าบ่อยๆ เพื่อเอาเศษฝุ่น โคลน ออกจากผ้า
 6.ฉีดน้ำไล่แชมพูออกให้หมด ใช้ผ้าแห้งนุ่มเช็ดรถให้แห้งทันที จะได้ไม่มีฝุ่นเกาะ และไม่เกิดคราบน้ำบนผิวสีรถ


ข้อควรระวังในการล้างรถ 
1. ไม่ควรล้างรถตอนเย็น ด้วยตนเอง เพราะหากล้างแล้วจอดทิ้งไว้อาจทำให้เกิดสนิม ในบางจุดที่เราเช็ดไม่แห้ง หรือไม่สามารถเช็ดแห้งได้ ยกเว้นแต่จะมีเครื่องเป่าน้ำให้แห้งหรือจะขับรถต่อไปเป็นระยะทางไกล ลมจะช่วยให้ทุกซอยทุกมุม แห้งสนิท

2. ไม่ควรล้างรถกลางแดด เนื่องจากแสงแดด จะทำให้น้ำแห้งเร็ว และทำให้เกิดคราบน้ำบนสีรถขึ้น 
การล้างรถโดยใช้ถังใส่น้ำล้าง 
1. การล้างรถแบบนี้ ควรจะเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ มิฉะนั้น สิ่งสกปรกที่ผสมอยู่ในน้ำ อาจทำให้เกิดริ้วรอยขีดข่วยบนรถได้ (วิธีการนี้ ไม่แนะนำให้ทำ …. แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องหมั่นซักผ้าและเปลี่ยนน้ำ)

การเช็ดรถที่ถูกวิธี 
1. ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือผ้าชามัวร์ ในการเช็ดรถ เนื่องจากผ้าเหล่านี้ จะไม่ทำให้รถเป็นรอย แต่ถ้าผ้าชามัวร์แท้ ควรจะระวัง เวลาที่ผ้าชามัวร์แห้งสนิท จะแข็งตัว และเมื่อจะทำมาเช็ดรถ ก็ควรจะนำผ้าชามัวร์นั้น จุ่มน้ำให้เปียกจริง ๆ ทั้งผืน ก่อนเช็ดรถ เพราะถ้าไม่เปียกทั้งผืน แสดงว่ายังมีส่วนที่ยังไม่โดนน้ำที่ยังแข็งอยุ่ ซึ่งอาจทำให้สีรถเป็นรอยได้ง่าย

2. การเช็ดรถนั้น ควรเช็ดตั้งแต่แผงบนก่อน เพื่อให้น้ำหยดลงด้านล่างให้หมดก่อน ไล่ลงมาด้านล่างของรถ จะได้ไม่ต้องทำงานสองต่อไงครับ

3. ส่วนของรถดังต่อไปนี้ไม่ควรหลีกเลี่ยง ควรเช็ดให้แห้งที่สุด

3.1 ด้านในขอบประตูทั้งหมด 

3.2 ด้านในกระโปรงหลัง 

3.3 ด้านในฝาถังน้ำมัน

3.4 กระจกหน้ารถ เพื่อให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ ชัดเจน ไม่มีอะไรมาบดบัง หรือระคายเคืองสายตา

3.5 ล้อแม็กซ์ ควรจะเช็ด ด้วย เพราะถ้าไม่เช็ดจะเป็นคราบน้ำน่าเกลียด และถ้าปล่อยไว้นาน ๆ คราบน้ำเหล่านั้น จะเช็ดออกยาก จนถึงเช็ดไม่ออก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น